เรียนรู้ STEM+A กับมิวเซียมสยาม : ไขความลับความแข็งแกร่ง

กิจกรรมที่ 4 เรียนรู้ STEM+A กับมิวเซียมสยาม : ไขความลับความแข็งแกร่ง


คำอธิบาย       

ตึก หรืออาคารเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความคงทนแข็งแรงมาก ตึกมิวเซียมสยามสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และมีอายุครบ 100 ปี ในปีพ.ศ.2565 เป็นอาคารรูปแบบตะวันตกที่สร้างโดยสถาปิกชาวอิตาเลียน ชื่อ นายมาริโอ ตามาญโญ ออกแบบอาคารไว้หลายแห่ง เช่น พระที่นั่งอัมพรสถาน พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน บ้านนรสิงห์ (ปัจจุบันคือทำเนียบรัฐบาล) ห้องสมุดเนลสันเฮย์ และ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งอาคารเหล่านี้ล้วนมีอายุนับร้อยปี เช่นเดียวกับตึกมิวเซียมสยาม


อาคารเหล่านี้มีรูปลักษณ์ต่างกัน สร้างด้วยเทคนิคและวัสดุต่างกัน ประโยชน์ใช้สอยก็แตกต่างกันด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่อาคารทั้งหมดนี้มีเหมือนๆ กันคือ ความแข็งแรงทนทาน ยืนหยัดให้ผู้คนใช้งานมานานถึง 100 ปีได้แบบสบายๆ


อะไรคือความลับและเบื้องหลังความทนทานของอาคารเหล่านี้?


เรามาทดลองทำกิจกรรมสนุกๆ เพื่อไขความลับว่าสถาปนิกทำอย่างไรให้อาคารแต่ละหลัง แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ และยังมีความสวยงามอยู่ของอาคาร 100 ปี


กิจกรรมนี้เหมาะกับ เด็กตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป


ระยะเวลาทำกิจกรรม  30 – 45 นาที


อุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม

1) เก้าอี้ จำนวน 2 ตัว

2) กระดาษ A4 จำนวน 4-5 แผ่น

3) ไม้บรรทัด 1 ด้าม

4) เหรียญบาท 7-10 เหรียญ




02-ไขความลับความแข็งแกร่ง.png


ไขความลับความแข็งแกร่ง 1 : คุยกับคาน


นอกจากเสาแล้ว อีกองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างตึกก็คือ คาน (Beam)


อาจพูดได้ว่า สำหรับตึกทุกหลัง ถ้ามีเสา ก็ย่อมมีคาน ไม่ว่าจะเป็นคานที่มองเห็นชัดเจน หรือคานที่กลมกลืนกับองค์ประกอบอื่นจนแทบมองไม่เห็นก็ตาม



01-ไขความลับความแข็งแกร่ง.jpg

เพราะคานและเสาทำงานร่วมกันในการรับน้ำหนักมหาศาลของตึกทั้งหลัง


คาน ทำหน้าที่รับน้ำหนักสิ่งที่อยู่ด้านบนทั้งหมด ก่อนจะกระจายน้ำหนักออก และส่งต่อไปยังเสาต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนโครงกระดูกของตึก ที่ช่วยกระจายและส่งต่อน้ำหนักของวัสดุก่อสร้างรวมถึงสิ่งอื่นๆ ภายในไปสู่ฐานราก ทำให้ตัวตึกยังรับน้ำหนักทั้งหมดไหว


มาลองสร้างคานแบบง่ายๆ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า อุปกรณ์มีเพียง

1) ขวดน้ำขนาด 350 มล. 3-5 ขวด

2) หลอดกาแฟแบบยาว 1 ห่อ (ประมาณ 50 หลอด)

3) ถังน้ำใบเล็ก 1 ใบ

4) เทปกาว/ หนังยาง/ เชือก


วางเก้าอี้ 2 ตัวห่างกันราว 20 เซนติเมตร แล้วนำกระดาษ A4 1 แผ่นมาใช้แทนคาน วาง (แนวนอน) พาดระหว่างเก้าอี้ 2 ตัว ซึ่งใช้แทนเสา


จากนั้นนำเหรียญบาทมาวางกลางกระดาษ ดูซิว่าคานกระดาษนี้รับน้ำหนักได้กี่เหรียญ  


03.jpg


ต่อมาลองพับกระดาษเป็นตัว W แล้ววางเหรียญบนกระดาษอีกครั้ง สังเกตดูว่าการใช้คานกระดาษแบบนี้ รับน้ำหนักเหรียญได้มากกว่าเดิมหรือไม่


ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม


แล้วถ้าลองดัดแปลงคานกระดาษให้เป็นแบบอื่นล่ะ เช่น พับกระดาษหลายๆ ทบ พับเป็นตัว U ม้วนเป็นทรงกระบอก หรือพับเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ฯลฯ แล้วนำมาลองรับน้ำหนักเหรียญพร้อมสังเกตผลลัพธ์ที่ได้ดู


ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม


ตามปกติ เมื่อวางสิ่งของไว้บนกระดาษ น้ำหนักสิ่งของจะกดลง ทำให้กระดาษรับน้ำหนักไม่ไหวและยุบตัว นี่เป็นเพราะกระดาษยังไม่มีคุณสมบัติของคาน


แต่ถ้าพับกระดาษจนเกิดสันขึ้นตามความยาวกระดาษจะทำให้กระดาษมีคุณสมบัติของคานที่รับน้ำหนักได้


นั่นแสดงว่าเราเพิ่มความแข็งแรงให้วัสดุต่างๆ ได้นะ ถ้ารู้วิธี

ไขความลับความแข็งแกร่ง 2 : คานสุดแกร่ง


มีวิธีไหนช่วยให้คานแข็งแรงขึ้นได้บ้าง?


ถ้าลองนำวัสดุไม่แข็งแรง รับน้ำหนักได้น้อย และมีความยาวไม่มาก มาดัดแปลงเป็นคาน คานนั้นจะแข็งแรงขึ้นมาได้ไหม

มาลองทำตามโจทย์ที่ท้าทายจากตามาญโญกัน

เริ่มจากหาอุปกรณ์เพิ่มเติม

1) ขวดน้ำขนาด 350 มล. 3-5 ขวด

2) หลอดกาแฟแบบยาว 1 ห่อ (ประมาณ 50 หลอด)

3) ถังน้ำใบเล็ก 1 ใบ

4) เทปกาว/ หนังยาง/ เชือก


ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม


โจทย์ของตามาญโญมีอยู่ว่า...


ให้เด็กๆ วางเก้าอี้ห่างกัน 20 เซนติเมตร แต่ถ้าเด็กโตกว่าระดับอนุบาลให้วางเก้าอี้ห่างกัน 50 เซนติเมตร!


ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม


จากนั้นใช้หลอดกาแฟ 50 หลอดมาประกอบเป็นคาน (ยึดให้ติดกันด้วยเทปกาว เชือก หรือหนังยาง) แล้ววางพาดระหว่างเก้าอี้ 2 ตัวซึ่งทำหน้าที่แทนเสา


เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ทดสอบคุณสมบัติการรับน้ำหนัก ด้วยการแขวนถังน้ำตรงกลางคาน แล้ววางขวดน้ำใส่ถังไปเรื่อยๆ


มาดูกันว่าคานสุดแกร่งแบบไหนจะรับน้ำหนักได้มากที่สุด


การคำนวณน้ำหนักโดยประมาณ: น้ำขวดขนาด 350 มิลลิลิตร มีน้ำหนัก 350 กรัม


ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม


ดูตัวอย่างเทคนิคการสร้างคานได้ในคลิปนี้เลย

ไขความลับความแข็งแกร่ง 3 : คานนี้มีที่มา


การทดลองที่ผ่านมา เราใช้วัสดุที่ไม่แข็งแรงมาทำคาน ได้แก่ กระดาษกับหลอดกาแฟ ซึ่งพบว่าเราเพิ่มความแข็งแรงให้คานรับน้ำหนักมากขึ้นได้ ด้วยหลักทางวิศวกรรม หรือหลักความแข็งแรงของวัสดุ


สำหรับคานในสิ่งก่อสร้างจริงๆ นั้น ทำมาจากวัสดุหลายชนิด เช่น คานไม้ นิยมใช้ในอาคารแบบดั้งเดิม เป็นคานที่มีข้อจำกัดเรื่องการรับน้ำหนักเยอะๆ และอาจผุพังง่ายตามข้อจำกัดของไม้แต่ละชนิด


คานเหล็ก

สร้างจาก “เหล็กรูปพรรณ” หรือเหล็กที่ผ่านกระบวนการผลิตและแปรรูปเป็นรูปทรงต่างๆ ให้เหมาะสมกับการงานแต่ละประเภท ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย คือนำเหล็กรูปพรรณมาเชื่อมประกอบกันได้ทันที ช่วยประหยัดเวลาก่อสร้างได้มาก แต่ก็มีข้อจำกัด

ทั้งเรื่องความทนทานและความสามารถในการรับน้ำหนัก


ทั้งไม้และเหล็กล้วนเป็นวัสดุที่ต้องนำมาต่อกัน ในกรณีที่ความยาวไม่พอ แตกต่างจาก คานคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งหล่อขึ้นตามความยาวและขนาดที่สถาปนิกกำหนดไว้


คอนกรีตเสริมเหล็ก

ประกอบด้วยปูนซีเมนต์ น้ำ ทราย หิน และเสริมความแข็งแกร่งด้วยเหล็กเส้น เพื่อเพิ่มคุณสมบัติช่วยรับแรงดึง นับเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมานานกว่า 100 ปี เพราะแข็งแรง มั่นคง และราคาไม่สูง

ลิขสิทธิ์ของมิวเซียมสยาม

คานในตึกมิวเซียมสยาม เป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็ก


ตึกมิวเซียมสยามทั้งหลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
โปรแกรมสำหรับโรงเรียน

เรียนรู้ STEM+A กับมิวเซียมสยาม : กำเนิดความงามของอาคาร

ไขความลับว่าสถาปนิกทำอย่างไรให้ตึกแข็งแรงทนทานมีอายุยาวนานได้เป็น 100 ปี ผ่านกิจกรรมทดลองเรียนรู้แบบบูรณาการ
ดูเพิ่ม
โปรแกรมสำหรับโรงเรียน

เรียนรู้ STEM+A กับมิวเซียมสยาม : ปฏิบัติการจัดวางพื้นที่

ไขความลับว่าสถาปนิกทำอย่างไรให้ตึกแข็งแรงทนทานมีอายุยาวนานได้เป็น 100 ปี ผ่านกิจกรรมทดลองเรียนรู้แบบบูรณาการ
ดูเพิ่ม
โปรแกรมสำหรับโรงเรียน

เรียนรู้ STEM+A กับมิวเซียมสยาม : เผยความลับผนัง 2 ชั้น

ไขความลับว่าสถาปนิกทำอย่างไรให้ตึกแข็งแรงทนทานมีอายุยาวนานได้เป็น 100 ปี ผ่านกิจกรรมทดลองเรียนรู้แบบบูรณาการ
ดูเพิ่ม