พ.ต.ท. พิทยา เกิดศิริ อายุ 65 ปี
“มาเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ตอนที่เป็นรองสารวัตรที่กองปราบช่วงปี 2525-2527
จำได้ว่าคดีแรกเป็นคดีชั่งตวงวัด”
มาเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ตอนที่เป็นสารวัตรที่กองปราบช่วงปี 2525-2527 จำได้ว่าคดีแรกเป็นคดีชั่งตวงวัด ทำหน้าที่เป็นผู้สืบจับร่วมงานกับคนอื่นๆ ในกองชั่งตวงวัดที่ช่วยทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อเท็จจริง สมัยนั้นมีการร้องเรียนเรื่องการโกงตาชั่ง ในฐานะตำรวจกองปราบต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์
เราเรียนรู้จากเจ้าหน้าที่เรื่องวิธีโกงตาชั่งว่ามีการปรับตาชั่งจากโรงงานแหล่งผลิต หรือใช้วิธีเอาจานตาชั่งไปเคลือบตะกั่ว เมื่อลูกค้าชั่งก็จะได้น้ำหนักที่ไม่เป็นจริง สินค้าที่โกงกันมากเป็นพวกผักผลไม้และปลา เมื่อไปถึงสถานที่แล้วจะจับพ่อค้า บางครั้งก็ต้องปิดล้อมตลาด ไปยึดตาชั่งมาก่อน จากนั้นนำของกลางไปลงประจำวันที่ท้องที่ แล้วทำบันทึกการจับกุม ส่งบันทึกนี้ชุดแรกให้เจ้าพนักงานสอบสวนและส่งชุดที่สองให้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปทำรายงาน หลังจากนั้นตำรวจต้องไปบันทึกปากคำ แล้วส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องไปให้ศาลตัดสินความ
นอกเหนือจากคดีโกงตาชั่งก็มีกรณีการโกงน้ำมัน ในปี 2525 กองชั่งตวงวัดอยู่ที่ห้องหัวมุมชั้น 1 ปีกซ้ายของอาคาร ส่วนแผนกที่ตรวจสอบดูแลเรื่องน้ำมันอยู่ปีกขวา จากการทำงานร่วมกันในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์สมัยนั้นเป็นผู้ถือศักดิ์ศรีเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีใครพูดเรื่องสตางค์ เงินซื้อไม่ได้ เพราะเป็นหน่วยงานที่ให้คุณให้โทษกับบ้านเมือง เวลาทำงานที่ลงไปพื้นที่ด้วยกัน เจ้าหน้าที่ก็ลุยมาก ไม่ปฏิเสธงานถ้าไม่ติดภารกิจ เป็นคนขยัน มีความรับผิดชอบ ยืดหยุ่นให้กับเวลาของกองปราบซึ่งเป็นหน่วยที่กำหนดเวลาทำงานไม่ได้แบบข้าราชการอื่น และไม่กลัวอิทธิพล เชื่อมั่นในความรู้ความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่เพราะถูกฝึกฝนมาจนชำนาญในแต่ละด้าน เวลาตัดสินคดีศาลจะรับฟังผู้ชำนาญการจากกระทรวงเป็นอันดับหนึ่ง เรียกว่าเหมือนคำวินิจฉัยของแพทย์เลย ถ้าเจ้าพนักงานพาณิชย์ยืนยัน ศาลยังต้องฟัง
พ.ต.ท. พิทยา เกิดศิริ อายุ 65 ปี
อดีตนายตำรวจที่เคยติดต่อประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์